
จากวันแรกและปีแรกที่เข้ามายัง เอติฮัด สเตเดี้ยม แม้แต่จะเป็นยอดกุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังหนีเสียงวิจารณ์ไปไม่พ้น เมื่อเขาทำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จบซีซั่นลงแบบมือเปล่า ไม่มีแชมป์ใดติดมือ
ข่าวกีฬา แต่จนถึงตอนนี้ มันก็เป็นปีที่ 7 เข้าไปแล้วกับงานนี้ ที่ผลิดอกออกผลเป็นโทรฟี่แชมป์ 11 รายการ — ดับเบิ้ล? ทริปเปิ้ล? จัดให้ได้หมด7 ปี กับการเดินทางผ่าน 400 นัดพอดิบพอดี ลองย้อนดูกันสักหน่อยว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผ่านอะไรมาบ้าง…และใกล้เคียงขนาดไหนกับอีก “1 โทรฟี่” ที่ตามหามานานจาก ‘ห้องทดลอง’ ปีแรก สู่ความยิ่งใหญ่ในที่สุด
เพราะแม้จะยิ่งใหญ่มาจากไหน ก็ไม่พ้นว่าต้องใช้ “เวลา” เพื่อปรับตัวปรับใจ ปรับจูนหลายสิ่งให้เข้ามือปีแรกของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า บนเก้าอี้ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาล 2016/17 คืออะไรที่ต้องเรียกว่า “ปีทดลอง” ของแท้ ผลลัพธ์ไม่เกี่ยว ใส่เดี่ยวได้หมด -เอ๊ย- ผลลัพธ์ไม่เกี่ยว ค่อยเลี้ยวไปดูปีรุ่งขึ้น
ในการรับไม้ต่อจาก มานูเอล เปเยกรินี่ ซัมเมอร์ของปี 2016 เป๊ป ที่มีขุนพลเอกอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร่, เควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ดาบิด ซิลบา และ แฟร์นันดินโญ่ นั้น แมนฯ ซิตี้ ยังเสียแต้มเป็นว่าเล่น ร่องรอยตำหนิยังมี ระบบการเล่นอะไรก็ยังไม่ลงตัว ทำดีที่สุดแค่จบอันดับ 3 พรีเมียร์ลีก พร้อมกับตกรอบบอลถ้วยทุกรายการแบบไปไม่ได้ไกลนัก (มีแค่ เอฟเอ คัพ ที่ถึงตัดเชือก)อันดับ 3 และความมือเปล่า ตีตราได้ว่านั่นคือความ “ล้มเหลว” และไม่ใช่สิ่งที่บอร์ด แมนฯ ซิตี้ จะคาดหวังไว้จากยอดกุนซือสแปนิชผู้มาพร้อมดีกรีแชมป์สารพัดจาก บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค